ประวัติความเป็นมา ฮาคิม ซีเย็ค สุดยอดตัวลุกฝั่งขวาจอมเก๋า

BALLVAR

ฮาคิม ซีเย็ค เขาคนนี้นั้นนับว่าเป็นหนึ่งในจอมถวายใส่พานให้เพื่อนร่วมทีมถล่มประตูกันอย่างเมามันส์ ซึ่งนับเป็นยอดนักเตะที่มีประวัติไม่ธรรมดา โดยเราขอแนะนำข้อมูลเชิงลึกกับประวัติปีกทีมชาติโมร็อกโกวัย 27 ปี โดยเขาคนนี้เพิ่งทำการย้ายมาจาก อาแจ็กซ์  อัมสเตอร์ดัม เพื่อเป็นขุนพลเข้าร่วมทัพของสิงห์บูลในฤดูกาลนี้ ซึ่งมากับค่าตัวที่ถล่มทลายถึง 45 ล้านยูโร โดยเขาคนนี้ยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่แทบจะไม่มีใครรู้จักแต่พอต่อมาได้สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่แล้วได้อย่างโดดเด่น จึงทำให้ทีมเชลซียอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อที่จะทำการคว้าตัวเขามาครองและมาร่วมทัพก้าวเข้าสู่ความยิ่งใหญ่ไปพร้อม ๆ กัน ทีนี้เราจะพาทุกท่านมาซูมให้เห็นชัด ๆ กับยอดนักเตะคนนี้ที่คุณจะเป็นแฟนคลับเขาในที่สุดอย่างแน่นอน

ชีวิตในวัยเด็ก

Hakim Ziyech สำหรับเด็กน้อยคนนี้นั้นเป็นน้องคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน ซึ่งครอบครัวของเขานั้นเป็นชาวโมรอคโคที่ได้เดินทางมาตั้งรูปร่างอาศัยอยู่ในประเทศฮอลแลนด์ที่เมือง ดรอนเทน  โดยสำหรับตัวของเขาเองนั้นมีความชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลอยู่ตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีพี่ชายของเขาที่เป็นผู้สอนและทำให้เขานั้นเกิดความตกหลุมรักกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว ซึ่งใครจะรู้ได้ว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างเหลือเชื่อ

พ่อของ ฮาคิม ซีเย็ค ได้จากโรคภัยตั้งแต่ตัวเขาเองยังเด็ก จึงทำให้เขานั้นต้องอยู่กับคุณแม่ที่ทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ ทุกคนจนแทบจะไม่มีเวลาให้ลูก ๆ ซึ่งสาเหตุนั้นเองมันจึงส่งผลต่อชีวิตวัยเด็กของเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งในตอนนั้น ฮาคิม ซีเย็ค ยังเป็นเด็กที่มีความเกเรและออกนอกลู่นอกทางเสมอจนเกือบเสียผู้เสียคน แต่ก็ยังโชคดีที่พี่ชายของเขาได้ถูกครอบครัวหนึ่งอุปถัมภ์ไปเลี้ยงในตอนที่มารดาของพวกเขาไปทำงานที่เมืองฮีเรนวีน และทำให้ตัวเขาเองได้รับความช่วยเหลือฉุดรั้งกลับมาได้ ซึ่งพี่ชายของเขาคนนั้นนั่นก็คือ อาซิซ ดอฟิการ์ ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอล ชาวโมร็อคโค

เส้นทางสายฟุตบอลในระดับเยาวชน

ในวัย 14 ปีตัวของ ฮะกีม ซิยาช  ก็ได้ทำการย้ายเข้าสู่ทีมเยาวชนของ ทีม ฮีเรนวีน ซึ่งทีมนี้เป็นทีมอันดับต้น ๆ ของประเทศหรือแม้ที่เขาจะได้ย้ายไปอยู่ในทีมใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย เพราะในขณะนั้นเขาได้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วเริ่มมีความเกเรเกิดขึ้นตลอดจนไม่ทำตามตารางฝึกซ้อมพร้อมทั้งไม่สนใจคำสั่งโค้ชและที่แย่ไปกว่านั้นนั่นก็คือเรื่องติดบุหรี่, สุรา และอบายมุขต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ

แต่แล้วโชคชะตาก็เหมือนฟ้าเปิดออกที่ทำให้พระเจ้าไม่ทอดทิ้ง ฮาคิม ซีเย็ค  เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งได้หยิบยื่นมือเข้ามาช่วยไว้นั่นก็คือ อาซิซ ดอฟิการ์ อดีตนักเตะทีมชาติโมร็อคโค และเป็นสุดยอดนักเตะประวัติศาสตร์คนแรกที่ได้เล่นในลีกสูงสุดของประเทศเนเธอร์แลนด์อีกด้วย โดยสองคนนี้ยังมองเห็นความสามารถในตัว ฮาคิม ซีเย็ค ซึ่งถึงแม้ว่าจะหลงทางผิด ก็ยังพร้อมที่จะให้อภัยจนทำให้ตัวของ ฮาคิม ซีเย็ค เกิดความซาบซึ้งและนับถือว่าเขานั้นเป็นพ่อคนที่สองพร้อมเริ่มทำตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ และบวกกับความเป็นอัจฉริยะทางด้านฟุตบอลจึงทำให้เขานั้นได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดขึ้นไปยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้แบบต่อเนื่องจนในปี 2012   ฮาคิม ซีเย็ค ได้ก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของอีเรนวีน ได้สำเร็จในที่สุด

ความสำเร็จ

หลังจากก้าวขึ้นไปสู่การเล่นทีมชุดใหญ่ไม่นานในทีม อีเรนวีน ในปี 2012 ซึ่งเจ้าของต้นสังกัดมองว่าเขายังเด็กทำให้ตัวเขาเองจึงได้ลงเล่นเพียงแค่ 8 นัดในทุกรายการ ซึ่งก็ไม่นานจากนั้นในฤดูกาลต่อมาเขาจึงได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ฮาคิม ซีเย็ค ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 36 นัด โดยยึดในตำแหน่งกองกลางและตัวทำเกมของทีม ซึ่งสามารถยิงไปได้ถึง 11 ประตูด้วยกัน ซึ่งสำหรับฟอร์มการเล่นของตัวเองนั้นจึงทำให้สื่อกีฬาในประเทศคาดการณ์ว่าเขาต้องถูกซื้อตัวไปเล่นกับทีมใหญ่ ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน และเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็เป็นจริงเพราะสโมสร ทเวนเต้ ได้ทำการคว้าตัว  ฮาคิม ซีเย็ค ไปร่วมทัพในปี 2014 ซึ่งมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับเขาอีกด้วย

หลังจากที่เขาลงเล่นให้กับสโมสร FC ทเวนเต้  ได้เพียงปีเดียวก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก โค้ชและทีมงานทำให้ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วยวัยเพียง 20 ต้น ๆ เท่านั้น โดยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นนั้นทำให้ฉุดไม่อยู่จากการเล่นใน 2 ฤดูกาลเขาเราเล่นให้ทีมไม่ต่ำกว่า 30 นัด และทำประตูหลัก 10 ขึ้นไปในฤดูกาลอย่างสวยงาม ฮาคิม ซีเย็ค กับปรากฏการณ์ย้ายทัพไปที่อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่มีการจ่ายเงินถึง 11 ล้านยูโรให้กับทีม เอฟซี ทเวนเต้ เพื่อทำการซื้อตัวเขาไปร่วมทีม

ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกในฐานะซูเปอร์สตาร์ ซึ่งจากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงเขาจึงได้โชว์ผลงานให้กับต้นสังกัดใหม่อย่างอาแจ็ค อัมสเตอร์๋ดัมให้เห็นแบบจุก ๆ ในปี 2019 และเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมล้ม 2 ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง Real Madrid และยูเวนตุสเลยทีเดียว โดยในเวทียูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งสำหรับทีม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นั้นยังทะลุไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาพลาดท่าให้กับสเปอร์สโดยหลังจากจบ Tournament เป็นที่เรียบร้อยเขาจึงเลือกให้มีชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมประจำ Tournament และถูกจับตามองจากทีมต้นสกัดยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปเลยทีเดียว

การย้ายค่ายสู่เชลซี

Hakim ในรัชกาลที่ 2020 เขาได้ถูกเชลซีสโมสรยักษ์ใหญ่ แห่งเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษขอตัวไปด้วยค่าตัวเรา 45 ล้านยูโร และเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลสิงห์บลูได้ผิดหวังเพราะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมโดดเด่นทำให้เชลซีเพิ่มมิติการลุกได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งต่อไปนี้เราต้องติดตามกันอย่างไม่มีคลาดสายตาเลยนะว่าฟอร์มของเขาคนนี้จะมีความโดดเด่น


Next Post

ประวัติความเป็นมา คาลวิน ฟิลลิปส์ ตัวตึงนำโชคแห่ง Manchester City

คาลวิน ฟิลลิปส์ ชื่อนี้คาดได้ว่าหลายคนนั้นเคยเป็นที่จับตามองของเหล่าแฟนบอลมาตั้งแต่ปี 2020 จนถึง 2021 ซึ่งจากที่เขามีผลงานอันโดดเด่นเฉพาะตัวและถึงแม้ว่า คาลวิน ฟิลลิปส์ จะไม่ได้รูปร่างสูงใหญ่และกำลังเยอะแต่อย่างใดแต่สิ่งที่ทดแทนขุมกำลังมหาศาลนั่นก็คือพละกำลังอันยอดเยี่ยมในการวิ่งไล่ต้อนตัดเกมแดนกลางของคู่แข่งจนได้ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิตฟิวตัวตัดเกมและมิตฟิวตัวรุก โดยทางด้านทีมชาติอังกฤษก็ยังคงเรียกตัวไปใช้งานและถือว่าเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์หลักของทีมอย่างขาดไปเสียไม่ได้ แกเร็ธ เซาธ์เกต โดยเฉพาะในช่วง Tournament ยุโรปปี 2020 ที่ในตอนนั้นสามารถคว้าอันดับ 2 มาครองได้อย่างงดงาม แต่ทว่าในตอนนี้เรื่องราวของตัวเขาเองนั้นรู้สึกว่าจะเข้าถึงยุคแห่งความเป็นวิกฤตและสวนทางกับความสำเร็จที่เคยสร้างมาแบบสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้งรวมไปจนถึงผลงานการเล่นที่ไม่ดีเหมือนแต่ก่อนพร้อมล่าสุดยังมีข่าวหนาหูต่าง ๆ ว่าเขานั้นถูกตัดออกจากทีม แต่อะไรคือเรื่องจริงและสิ่งไหนควรเป็นสิ่งที่ควรเชื่อถือกันบ้างเราจะพาทุกท่านเข้าไปย้อนเวลาและเข้าไปร่วมเสนอสถานการณ์จริงด้วยกันได้เลย ถือว่าเป็นหนึ่งในเด็กที่โตขึ้นจากสโมสรแห่งนี้ของจริง เนื่องจากเป็นเด็กที่ถูกปั้นขึ้นมาจาก Academy โดยตรงจากสโมสร ซึ่งตัวเขาเองนั้นเป็นสมาชิกของทีมตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการฝึกซ้อมที่เข้มข้นต่าง ๆ ได้ในทุก ๆ วันจนกระทั่งมีโอกาสได้ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ในครั้งแรกกับทัพยูงทอง เมื่อช่วงปี 2015 ในเกม Championship ที่ดวลกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน  ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Phillips เขาคนนี้ก็ได้ขยับขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นและกลายเป็นกองกลางคนสำคัญของทีมแบบเต็มตัวในซีซั่นที่ 2016-17 ภายใต้การควบคุมทีมของแกรี่มังก์ พร้อมกับยังสามารถได้รับกับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมปี 2016 […]

You May Like