Firmino แล้วตอนนี้เราจะนำพาทุกท่านไปเจาะประวัติส่วนตัวของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1991 โดยเป็นนักฟุตบอลอาชีพของสโมสร ฟิเกอเรนเซ่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในเด็กหนุ่มที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซึ่งได้ทำการโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นจนทำให้เขาได้ติดทีมชาติบราซิลในการลุยศึกโคปาอเมริกา 2015 ในประเทศชิลีกันเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเป็น Tournament ที่ไม่ธรรมดาได้มีการเจิดจรัสฉายแสง ให้หลาย ๆ สโมสรได้จับตามองอย่างไม่วางสายตา ซึ่งเขาผู้นี้ยังมีความสามารถที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นตัวรุกตัวริมเส้นกองหน้า หรือจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกก็ยังทำได้อย่างอิสระอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในตัวที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
Firmino เขาผู้นี้นั้นเกิดที่เมืองมาเซโอ โดยเขานั้นเป็นเด็กน้อยที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ต่อมาเขาได้ร่วมเล่นกับทีมเยาวชนที่มีชื่อเสียงอย่าง ฟิเกอเรนเซ่ ในฐานะตำแหน่งกองกลางตัวรับที่มีความคล่องตัวสูง และสเต็ปของฝีเท้าที่ไม่ธรรมดาเลย โดยเมื่อ ปี 2008 เมื่อครั้งเขาอายุเพียง 17 ปี ก็ได้ทำการลงเล่นให้กับสโมสร คลับ เด เรกาตัส บราซิล ในเครือ ฟิเกอเรนเซ่ นั้นได้โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นที่สุด ต่อมาเขาได้เปิดฉากในการเป็นนักบอลมืออาชีพค้าแข้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2009 โดยทำการลงสนามเป็นตัวสำรองแทน โตนินโญ่ ในเกมที่เปิดบ้านแพ้ปอนเต้ เปรต้า ภายในสกอร์ 1 ต่อ 2 ในศึกระดับซีรี่บี ซึ่งหลังจากนั้นในเดือนมกราคม 2010 ด้วยผลงานอันโดดเด่นเขาจึงถูกดันให้ไปเล่นกับทีมชาติชุดใหญ่เลยทีเดียวผลงานครั้งแรกหลังจากที่เปิดตัวเป็น
โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ทำการเปิดประเดิมประตูแรกในการค้าแข้งมืออาชีพเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2010 และนับว่าเป็นประตูชัยให้ทีมเอาชนะ เซา เซตาโน่ อีกต่างหาก โดยเขาผู้นี้ทำการลงสนามทั้งหมด 36 นัด อีกทั้งยังสามารถทำประตูได้ทั้งหมดสูงถึง 8 ประตู ซึ่งเป็นนักเตะคนสำคัญช่วยให้ ฟิเกอเรนเซ่ นั้นมีสีสันและกลับมาสู่ Series A อีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปีเลยทีเดียว
โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ยอดนักเตะคนนี้ได้ย้ายเข้าไปโชว์ฝีไม้ลายมือสโมสรใหม่นั่นก็คือ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในเดือนธันวาคม 2010 ซึ่งสัญญาณดังกล่าวนั้นจะมีการสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2015 และหลังจากที่เข้ามาอยู่ในสังกัดดังกล่าวในฐานะนักเตะหน้าใหม่ที่ไฟแรงสุด ๆ เป็นระยะเวลากว่าเดือนเขาจึงได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 75 แทนที่ของนักเตะ เซาสเตียน รูดี้ แล้วต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2011 การโชว์ฝีไม้ลายมือของเขาได้ปรากฏอย่างเด่นชัดเมื่อสามารถซัดลูกแรกได้สำเร็จในสังเวียนค้าแข้งที่นี่ซึ่งเป็นประตูชัยให้ชนะในเกมที่ปะทะกับ ไอน์ทรัคซ์ แฟร้งค์เฟิร์ต ในศึกบุนเดสลีกาได้อีกด้วยต่อมา โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ได้ถูก Drop ให้เป็นเพียงแค่ตัวสำรองเพื่อหลีกทางให้กับสุดยอดนักเตะผิวสี ชิเนดู โอบาซี่ ดาวยิงแห่งไนจีเรีย โดยเมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาจึงได้ทำการฝึกซ้อมอย่างหนักและแน่นอนว่าโอกาสทองได้มาเยือนเขาอีกครั้งในการลงสนามในเกมตกค้างกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็สามารถทำ ได้ถึง 2 ประตูในเกมที่พบกับโวลฟสบวร์ก และโบรุสเซีย
เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลที่โดดเด่นอีกครั้ง
โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ในปี 2012 ถึง 2013 เขาก็ได้กลับมาเฉิดฉายและยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้เป็นที่สำเร็จ โดยได้มีการโชว์สเต็ปได้เป็นอย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อ จิ้งจก Season ซึ่งผลงานอันสวยหรูในการทำประตูทั้งหมดนั้นสูงถึง 7 ประตู จากการลงสนามทั้งสิ้นทั้งหมด 36 เกม ถึงขนาดที่ว่า อันเดรส เบ็ค กัปตันทีมชาติของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้ออกมาชมเชยอย่างออกหน้าออกตาว่า โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ คนนี้นั้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างสูงและพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2014 เขาได้รับรับการขยายสัญญายาวไปอีก 3 ปีกับสโมสร ซึ่งฤดูกาลที่ 2013 ถึง 2014 สุดยอดนักเตะคนนี้ได้มีส่วนช่วยให้ทีมของตนจบอันดับ 4 ของลีกและยิงประตูไปคนเดียวถึง 16 ลูก เลยทีเดียว
ผลงาน ณ ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล 2015 จนถึงปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2015 เส้นทางแห่งการเข้าสู่ดวงดาวได้เปิดขึ้น ซึ่งในขณะที่เขากำลังช่วยทีมชาติบราซิลลุยศึกโคปาอเมริกาอยู่นั้น ทางสโมสรฮอฟเฟ่นไฮม์ กับทางด้าน เฟียร์มิโน นั้นได้ทำการตกลงข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ในการเซ็นสัญญากับทางลิเวอร์พูล รวมถึงรายละเอียดส่วนตัวของนักเตะ ทำให้เขาได้เตรียมตัวย้ายเข้าไปเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ในฤดูกาลเลยทีเดียว แต่ก็ยังต้องรอการอนุมัติจากเอกสารสัญญา work permit และเข้ารับการตรวจร่างกายในวันที่เซ็นสัญญากับทางสโมสรอีกด้วย ซึ่งคาดว่าค่าตัวสุดยอดดาวยิงคนนี้น่าจะอยู่ราว ๆ 29 ล้านปอนด์ หรืออยู่ประมาณ 1,543 ล้านบาทนั่นเอง