ประวัติ เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือ เมสซี่เจ นักฟุตบอลขวัญใจมหาชน

BALLVAR

ฟุตบอลไทยของเราต้องบอกว่าในช่วงย้อนหลังไปสัก 3-5 ปี เจาะจงลงไปในช่วงที่ซิโก้ คุมทีมนี่บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาขาขึ้นของนักบอลไทย ฟุตบอลไทย และลีคบอลไทยอย่างแท้จริง การติดตามทีมชาติไทยเป็นเรื่องที่คนชอบฟุตบอลต้องมี เหตุการณ์สนามแตกในนามทีมชาติเป็นเรื่องที่เกิดจนชินตา ส่วนของนักเตะเองก็มีหลายคนที่โดดเด่นขึ้นมาจนกลายเป็นไอดอลฟุตบอลของเด็กไทยอีกหลายคนในเวลาต่อมา คนที่โดดเด่นที่สุดต้องเป็น เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แน่นอนชายตัวเล็กคนนี้มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจบ้างเราคัดมาเล่าให้ฟังแล้ว

 

 

ข้อมูลส่วนตัว

เจ ชนาธิป ตามประวัติเกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2536 เกิดที่จังหวัดนครปฐม อำเภอสามพราน เป็นคนตลาดสามพรานที่เชื่อว่าเราน่าจะรู้จักกันดี เรื่องราวในครอบครัวของเค้า บิดาคือนายก้องภพ มารดาคือ พรสวรรค์ สรงกระสินธ์ เรื่องราวของเจกับฟุตบอลต้องขอบคุณคุณพ่อของเค้าที่เป็นคนสร้างแรงบันดาลในให้กับเจ รวมถึงเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอลด้วย เชื่อหรือไม่ว่าเค้าเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 1 ขวบ จากนั้นก็ฝีเท้าเรื่อยมา

เส้นทางฟุตบอลตั้งแต่เด็ก

เจ เกิดมาก็เหมือนกับเด็กชายทั่วไปที่ชื่นชอบฟุตบอล แต่สิ่งที่เค้ามีมากกว่าคนอื่นก็คือความชื่นชอบ และความพยายามในการฝึกฝนฟุตบอล เค้าเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 1 ขวบ ก่อนจะมาเล่นอย่างจริงจังตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตอนนั้นเค้าเล่นที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานครก่อนจะย้ายไปเล่นที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์จนจบประถมศึกษาปีที่ 6

พอเข้าระดับมัธยมศึกษาเค้าก็เริ่มเส้นทางฟุตบอลอย่างเต็มตัว เริ่มจากเรียนที่โรงเรียนสามพรานวิทยา อีกด้านหนึ่งเค้าก็เข้าสู่ระบบฟุตบอลเดินสายกับทีม ซีแอล ไฮสปีด ที่เล่นไปทั่วจังหวัดนครปฐม การเล่นในช่วงนี้เหมือนสั่งสมประสบการณ์ กระดูกบอลของเค้าให้แข็งแกร่งขึ้นตลอดช่วงเวลามัธยมต้น หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เบนเข็มไปเรียนต่อที่วิทยาลับเทคโนโลยีพาณิชย์การราชดำเนิน พร้อมกับเล่นฟุตบอลในระดับสถาบันไปด้วยพร้อมกัน ตอนนั้นเมสซี่เจ ได้พาสถาบันต้นสังกัดกลายเป็นแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ถ้วย ก. ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโทรฟี่ที่เค้าทำได้ในช่วงเวลาที่เรียนอยู่ตรงนั้น

ระดับสโมสรอาชีพ(ในไทย)

การเติบโตของ เมสซี่ เจ ประจวบเหมาะกับยุครุ่งเรืองของวงการฟุตบอลลีคไทยที่กำลังเติบโตขึ้นพอดี มีหลายทีมที่มาพร้อมกับเงินทุนมากมายหนึ่งในนั้นก็คือ บีอีซี เทโรศาสน เจ้าบุญทุ่มในยุคนั้น ซึ่งเมสซี่เจ เป็นนักเตะในสังกัดนั้นด้วย โดยเล่นอยู่ในชุดเยาวชน U19 ผลงานของเจ้าตัวต้องบอกว่าไปไกลเกินอายุและขนาดตัวมาก (ก่อนหน้าจะมาอยู่กับ บีอีซี เค้าเคยโดนปฏิเสธเข้าทีมเนื่องจากตัวเล็กเกินไป) เมื่อ บีอีซี กล้าให้โอกาส เมสซี่เจ เค้าก็ตอบแทนโอกาสเหล่านั้นด้วยการ พาทีมระดับ U19 ของ บีอีซี คว้ารางวัลชนะเลิศแชมป์ เอฟเอ ยูธคัพ ในปี 2011 ได้โดยปีนั้นพวกเค้าสามารถเอาชนะทีมมาแรงอย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอไปได้ 5-2 พร้อมกับรับรางวัล MVP ของเกมนั้นด้วย จากความสำเร็จของเกมนั้นทำให้เจ้าตัวโดนเรียกไปติดทีมชาติในรุ่น U19 ไปเล่นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลเอเชียรุ่นเยาวชนที่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายด้วย

จากความสำเร็จทั้งหมด ปี 2555 กลายเป็นแรงส่งให้กุนซือของทีมชุดใหญ่สโมสร บีอีซี ตัดสินใจไม่ยากเลยที่จะดัน เมสซี่เจ ติดทีมชุดใหญ่ หลังจากเล่นให้กับ บีอีซีมาจนถึง 2016 เค้าก็ต้องย้ายตัวไปเล่นให้กับยักษ์ใหญ่ทีมใหม่ของไทยอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ที่นั่นเค้าได้กลายเป็นนักเตะที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในยุครุ่งเรืองของเอสซีจีตลอด 2 ซีซั่นก่อนจะได้ย้ายไปเผชิญโชคที่ญี่ปุ่นอย่างที่เรารู้กัน

เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตั้งแต่ที่เล่นในลีกญี่ปุน คอนซาโดเล ซัปโปะโระ

เราเชื่อว่าความฝันของเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลทุกคน ก็คือการได้ติดทีมชาติเล่นฟุตบอลที่มีเสื้อธงไตรรงค์ติดอยู่บนหน้าอกเสื้อ ไม่เพียงเท่านั้นหากมองในเรื่องความมั่นคง การได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพคงเป็นเรื่องที่ดีมาก แม้จะมีคนทำได้ไม่มากนักในยุคนี้ก็ตามที แต่มันจะเป็นเหมือนความฝันที่บวกกับความพยายามถ้าหากเค้าได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพต่างประเทศ ซึ่งในประวัติศาสตร์ไทยน้อยคนมากที่จะไปทำอย่างนั้นได้ มีเพียงแค่นับนิ้วมือเท่านั้นเอง ยิ่งถ้าไปแล้วประสบความสำเร็จด้วย ยิ่งมีน้อยลงไปอีก ในยุคนี้คนที่ทำได้อย่างนั้นคงมีเพียงแค่ เจ มุ้ย อุ้ม ที่ไปเล่นฟุตบอลอาชีพในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นเอง เราจะมาเล่นเรื่องราวของ เจ กันก่อนว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง

https://www.instagram.com/p/CET3ADXnlN6/?utm_source=ig_web_copy_link

การยืมตัวที่เหมือนความฝัน

ช่วงท้าย ซีซั่นปี 2018 มีข่าวคราวออกมาว่า เมสซี่เจ จะโดนทาบทามจากทีมในต่างประเทศเพื่อย้ายไปเล่น แน่นอนว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากของวงการฟุตบอลไทยในขณะนั้น ซึ่งมีข่าวออกมาว่าเป็นทางสโมสรจากญี่ปุ่น (เจลีค) จะดึงไปร่วมทีมซึ่งนั่นก็คือ คอนซาโดเล ซัปโปโระ ตอนนั้นเชื่อกันว่าข่าวยังเป็นจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น จนกระทั่งการยืมตัวเสร็จสิ้นหลายคนถึงเชื่อว่าดีลนี้เกิดขึ้นจริง ไทยเราไม่ได้มีนักฟุตบอลไปเล่นในเจลีค มานานมากแล้ว ส่วนหนึ่งที่เราบอกว่าดีลนี้เหมือนความฝันเพราะว่าทีมจากเจลีค มักจะไม่ค่อยดึงตัวนักเตะจากนอกประเทศเท่าไร (เน้นคนญี่ปุ่นมากกว่า) แล้วยิ่งประเทศที่ระดับฟุตบอลต่ำกว่าอย่างไทยนี้ยากเลย บางส่วนมองว่าการดึงเจไปเป็นเรื่องของการตลาดมากกว่าเหตุผลทางด้านฟุตบอลด้วยซ้ำไป

การปรับตัว

การข้ามฟากไปเล่นให้กับเจลีคนั้น ในการเปิดตัวถือว่ายอดเยี่ยม แต่ว่าการลงสนามตอนแรก เมสซี่เจ เองก็เจอปัญหาเหมือนกัน ในช่วงเวลาปรับตัว เจ ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเอาชนะใจโค้ช แฟนบอล และเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมนี่สำคัญมากเลย จำได้ว่าไปเล่นแรกๆเพื่อนไม่ส่งบอลให้เลย เนื่องจากเค้าไม่เชื่อว่า เมสซี่เจ จะมาเล่นในระบบเค้าได้ กว่าเพื่อนจะเชื่อใจก็ใช้เวลาหลายเกมอยู่เหมือนกัน แต่พอเพื่อนเริ่มเชื่อใจ เริ่มกล้าที่จะส่งบอลให้ เมสซี่เจ ก็ไม่ทำให้เพื่อนผิดหวัง การเลี้ยงบอลที่เหนียว แน่น บอลติดเท้าเหมือนมีตะขอติดไว้ ทำให้หลายทีมปวดหัวเนื่องจากไม่สามารถแย่งบอล รวมถึงการจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสที่พร้อมจะส่งให้กองหน้าแบบไม่มีหวงอีกด้วย หลังจากใช้เวลานานพอสมควร ปรับตัวได้แล้ว เมสซี่เจ ก็กลายเป็นดารานำของทีม กลายเป็นขวัญใจแม่ยกชาวญี่ปุ่นเบอร์หนึ่งของทีมไปได้

สิ่งที่ต้องปรับ

เมสซี่เจ แม้ว่าจะเล่นได้ดีในตำแหน่งเบอร์สิบ ตำแหน่งหน้าต่ำ หรือ เพลย์เมกเกอร์ ในการเล่นแต่ละเกม แต่สิ่งที่เค้าต้องปรับนั่นก็คือ การยิงจากแถวสองเพื่อทำประตู หรือ หลอกยิงระยะไกล เนื่องจาก เจ เวลาเล่นฟุตบอลเค้ามักจะคิดอยู่เสมอว่าต้องเลี้ยงเพื่อสร้างโอกาสให้เพื่อน และจ่ายบอลเพื่อให้กองหน้ายิง นั่นทำให้การยิงประตูของเค้าน้อยมาก สถิติในปี 2018 เล่นไป 30 เกมในลีค ยิงไป 8 ประตู แอสซิสต์ 3 แต่ ปี 2019 เล่นไป 28 เกม แต่ยิงเหลือ 4 ประตูเท่านั้น แต่จ่ายบอลให้เพื่อนได้มากถึง 7 ประตูด้วยกัน ต้องมาดูกันว่าในซีซั่นใหม่นี้ เจ จะยิงได้มากขึ้นกว่านี้หรือไม่

เกียรติประวัติ

รางวัลระดับสโมสร

-เอฟเอ ยูธ คัพ 2554 :ชนะเลิศ (บีอีซี เทโรศาสน U-19)
-โตโยต้า ลีกคัพ 2557 :ชนะเลิศ (บีอีซี เทโรศาสน)
-โตโยต้า ไทยลีก 2559 :ชนะเลิศ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
-เจลีกคัพ 2562 :รองชนะเลิศ (คอนซาโดเล ซัปโปโระ)

รางวัลระดับทีมชาติ

-เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 : รองแชมป์
-ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 ปี พ.ศ. 2556 : อันดับสาม
-ซีเกมส์ 2013 : เหรียญทอง
-เอเชียนเกมส์ 2014 : อันดับสี่
-เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 : ชนะเลิศ
-ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 ปี พ.ศ. 2558 : รองชนะเลิศ
-ซีเกมส์ 2015 : เหรียญทอง
-เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 201ุ6 : ชนะเลิศ

รางวัลส่วนบุคคล

-นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยม สยามโกลเดนบอล ประจำปี พ.ศ. 2554 และปี พ.ศ. 2557
-ผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยม ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2555
-ผู้เล่นยอดเยี่ยม โตโยต้า ลีกคัพ ประจำฤดูกาล 2557
-ผู้เล่นยอดเยี่ยม เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ประจำปี 2014
-ผู้เล่นยอดเยี่ยม เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ประจำปี 2016
-นักฟุตบอลยอดเยี่ยม, รางวัลคะแนนเสียงยอดนิยม (Popular Vote), นักฟุตบอลรวมดารา (All-Stars) รายการไทยพรีเมียร์ลีก และผู้ยิงประตูประทับใจ สยามโกลเดนบอล ประจำปี พ.ศ. 2557
-นักกีฬาสมัครเล่นยอดเยี่ยม ประเภทชาย และรางวัลสุดยอดประทับใจแห่งปี สยามกีฬาอวอร์ดส์ ประจำปี พ.ศ. 255
-นักเตะยอดเยื่ยมประจำทีม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ประจำฤดูกาล 2018
-นักเตะยอดเยื่ยมประจำสนามซัปโปโรโดม ประจำฤดูกาล 2018
1 ใน 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของ เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2018

แหล่งข้อมูล

IG : jaychanathip

อ้างอิง

https://th.wikipedia.org/wiki/ชนาธิป_สรงกระสินธ์

Next Post

ประวัติ สโมสร หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป

ลิเวอร์พูล ชื่อนี้อาจจะคุ้นหูแฟนบอลหลายๆ คนเพราะเป็นทีมที่ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ครองความยิ่งใหญ่ในช่วงยุค 70 และ 80 และเป็นทีมที่มีฐานแฟนบอลอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้พวกเขาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย นับตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งสโมสร จนถึงปัจจุบัน   ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย จอห์น โฮลดิ้ง ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานสโมสรเอฟเวอร์ตัน และเป็นเจ้าของที่ดินตรง “แอนฟิลด์” ซึ่งเป็นที่ตั้งสนามเหย้าของ “หงส์แดง” ในปัจจุบัน โฮลดิ้ง มีข้อพิพาทอย่างรุนแรงกับคณะกรรมการของเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเรื่องจบลงที่ โฮลดิ้ง เป็นฝ่ายเดินจากไปก่อนจะมาตั้งสโมสรแห่งใหม่ขึ้นในแถบ แอนฟิลด์ ในตอนแรกใช้ชื่อว่า “Everton F.c. and Athletic Grounds ltd” ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น ลิเวอร์พูล ในเดือนมีนาคม ปี 1892 จากนั้นจึงเข้าร่วมในการแข่งขัน แลงคาเชียร์ ลีก และได้แชมป์ทันทีแม้ว่าเพิ่งจะตั้งสโมสรได้ไม่นาน ก่อนได้รับเลื่อนมาเล่นในดิวิชั่นและดิวิชั่น 1 ตามลำดับ   ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในฤดูกาล […]

You May Like