ประวัติความเป็นมา คาโอรุ มิโตมะ ปีกตัวจิ๊ด ยอดซามูไรแห่งไบตัน

BALLVAR

คาโอรุ มิโตมะ เขาคนนี้นั้นถูกขนานนามถึงความพลิ้วไหวราวกับซามูไรชาวญี่ปุ่นขนานแท้เลยทีเดียว ซึ่งนี่คือหนึ่งในปีของไบตันที่โลดแล่นและสร้างผลงานได้เป็นอย่างดีกับสโมสร พร้อมทั้งยังเป็นไอดอลขวัญใจทีมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งนี่คือหนึ่งในตัวแทนของนักเตะแดนอุทิศอุทัยชาวเอเชียของเราที่ไปทำให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของนักเตะที่มีอย่างไม่มีขีดจำกัดอย่างแท้จริง

เจาะประวัติข้อมูลส่วนตัว

สำหรับตัวของเขานั้นมีชื่อเต็มว่า Kaoru Mitoma หรือเขาคนนี้นั้นเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1997 ในเมืองคานางาวะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจนถึงตอนนี้มีอายุเพียงแค่ 25 ปีกับส่วนสูงที่มากถึง 178 ซม. พร้อมทั้งยังสามารถเล่นฟุตบอลได้อย่างดีเยี่ยมในตำแหน่งปีกแล้วคาดได้ว่าทุกท่านคงจะรู้จักตัวตนของเขาเป็นอย่างดี ยิ่งสำหรับแฟนคลับชาวเอเชียด้วยแล้วต้องบอกเลยว่าเขานั้นเนื้อหอมมาก ๆ เลยนะบอกเลย

เส้นทางลูกหนัง

Mitoma Kaoru คนนี้นั้นได้รับการสืบเชื้อสายนักกีฬามาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะลืมตาโดยโลกด้วยซ้ำไป เพราะคุณพ่อของเขานั้นเป็นนักกรีฑาส่วนคุณแม่ก็เป็นนักวอลเลย์บอล ซึ่งมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่ทำให้ตัวเขานั้นมีความหลงใหลในกีฬาหลากหลายประเภทจนในที่สุดตัวของ คาโอรุ มิโตมะ ก็ได้ตกหลุมรักในกีฬาประเภทฟุตบอลเนื่องจากตัวของเขาเองนั้นมีพี่ชายที่คลานตามกันมามีความชื่นชอบในเกมลูกหนังเหมือนกันอีกด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผู้เดียวที่สานฝันให้เป็นจริงเนื่องจากทางด้านพี่ชายเขาเอาดีทางด้านนักแสดง

ความไม่ธรรมดาเมื่ออยู่วัยเยา

มิโตมะ เมื่อครั้งอายุ 9 ขวบนั้นตัวเขาเองได้มีการบอกลาซางิมูระ เอสซี academy อันเรื่องชื่อเพื่อที่จะไปทำการฝึกฝนฝีเท้ากับ kawasaki frontale ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้เดินทางไปอยู่อะแคเดมี่ของ ฟรอนตาเล่ได้สมปรารถนา ซึ่งเมื่อเขาเดินทางไปถึงที่นั่นแล้วเขาถึงรู้สึกทันทีเลยว่าชีวิตของเขานั้นต้องการอะไรนั่นก็คือการเป็นนักเตะมืออาชีพให้จงได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ดีพอที่จะทำให้เขาได้หลั่งศักยภาพและความสามารถอันแหลมคมพร้อมฝึกฝนไปในตัวกับอะแคเดมี่แห่งนี้

คาโอรุ นั้นขึ้นชื่อทางด้านการเลี้ยงบอลให้เก่งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ซึ่งทั้งฝีเท้าและทั้งทัศนคติของเขานั้นมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากจนถึงขั้นทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีของฟรอนตาเล่เลยทีเดียว ในช่วงหนึ่งขณะนั้นฟรอนตาเล่มีความต้องการให้ คาโอรุ มิโตมะ ตัวของเขานั้นขึ้นสู่ในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ขณะที่เขายังเรียนอยู่ในระดับมหาลัย ซึ่งในตอนนั้นเขาได้สร้างปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อเพราะว่าถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหลายคนจะคว้าไว้แต่เขากลับปฏิเสธแล้วต้องการจะเรียนมหาลัยให้จบก่อนตามความต้องการของบิดามารดา

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็ยังทำให้ฟรอนตาเล่ยอมทำตามข้อเรียกร้องได้อย่างไม่มีข้อกังขา ซึ่งใครจะรู้เลยว่าตอนที่เขาทำวิทยานิพนธ์นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องฟุตบอลอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้ทำวิจัยในหัวข้อการเลี้ยงบอลให้ทรงประสิทธิภาพพร้อมกันนั้นยังทำการวิจัยโดยการติดตั้งกล้อง GoPro ไว้บนศีรษะเพื่อจำลองมุมของผู้เล่นในแนวรุกตอนที่เจอกับคู่แข่ง ซึ่งหลังจากจบการศึกษาแล้วเขาก็ได้เดินทางกลับมาฝึกที่ฟรอนตาเล่ต่อและเล่นในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2020 โดยมีการทำประตูครั้งแรกของเขานั้นเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เกมลีกนัดชนะโชนันเบลมาเล่ 3 ต่อ 1 ในวันที่ 26 กรกฎาคมของปีเดียวกัน

คาโอรุ มิโตมะ เขาคนนี้ได้มีโอกาสสัมผัสแชมป์ร่วมกับฟรอนตาเล่สูงสุดถึง 3 รายการด้วยกันโดยประกอบด้วยเจลีกปี 2020  แล้วตามด้วย เอ็มเพอเรอร์คัพ  และทางด้าน japanese super cupปี 2021 คนที่ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปี 2021 ไบตัน แอนด์ โฮฟ ฮัมเบี้ยนจะได้เข้ามาคว้าดวงเขาไปร่วมทัพเลย ทุกท่านเชื่อไหมว่าไบตันตัดสินใจปล่อย คาโอรุ มิโตมะ ไปเล่นแบบยืมตัวกับโยนัน ยูเนี่ยน แซงต์กิลลัวส์ ทีมในลีกเบลเยียมเป็นเวลา 1 ฤดูกาลด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการให้ยืมตัวแบบแยบยลเพื่อเป็นการทำให้เขาได้ปรับตัวเข้ากับการเล่นในยุโรป ซึ่งในตอนนั้นเขากลับทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากและเคยทำแฮตทริกซ์ได้อีกด้วย

การผงาดได้อย่างสมศักดิ์ศรีที่ไบตัน

คาโอรุ มิโตมะ ได้พร้อมแล้วที่จะขยายปลีกแห่งความแหลมคมในฤดูกาลที่2022-2023 ตัวของไททันเองนั้นตัดสินใจเก็บคาโอรุ มิโตมะเอาไว้ใช้งาน  โดยได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกให้กับทีมต้นสังกัดในวันที่ 13 สิงหาคม 2022 ซึ่งในครั้งนั้นกลับไม่มีผลงานอะไรโดดเด่นในเกมที่เสมอกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 0 ต่อ 0 เท่านั้นและต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2022 ตัวเขาเองก็ได้ระเบิดประตูแรกในศึกพรีเมียร์ลีกได้ในเกมที่ไบตันบุกชนะวูล์ฟแฮมป์ตันได้อย่างสุดมันส์จนทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่คู่แข่งไม่สามารถประมาทได้อีกต่อไป

สุดยอดแห่งปีที่พัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง

คาโอรุ มิโตมะ สำหรับเขาคนนี้ที่ได้โลดแล่นอยู่ในสนามหญ้าภายใต้สังกัดของทีมยักษ์ใหญ่อย่างไวตันยังสามารถที่จะทำให้ทุกท่านได้ตื่นเต้นกันทุกครั้งที่มีการขยับลงสนาม ทีนี้พวกเรามาร่วมจับตามองสุดยอดอัจฉริยะทางกีฬาฟุตบอลแห่งเอเชียคนนี้ว่าจะเลิกเล่นได้ไกลเพียงใดแต่ที่แน่ ๆ ทุกครั้งที่ทำประตูเฉียบคมสุด ๆ เลยทีเดียว


Next Post

ประวัติความเป็นมา แวงซองต์ กอมปานี กองหลังตังตึงแข็งแกร่ง ดังภูผา

แวงซองต์ กอมปานี  อีกหนึ่งในชื่อของ นักเตะ ที่ไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่แท้ซึ่งเขาผู้นี้นั้นยังได้รับการยกย่องมาเป็นดาวรุ่งชาวเบลเยียม ที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลดาวรุ่งและมาแรงจนน่าจับตาสูงสุดในวงการค้าแข้งลูกหนังยุโรปเลยทีเดียว ซึ่งสำหรับตัวเขาเองนั้นได้มีประวัติในการผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านสังเวียนการฟาดแข้งมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ใครเล่าจะรู้ถึงรายละเอียดที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของยอดดาวเตะคนนี้ ถ้าคุณอยากจะรู้แล้วละก็ความลับนั้นอยู่ในมือคุณแล้วตามมาเลย เส้นทางเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง Vincent Kompany นั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กแต่เข้าร่วมกับทีมเยาวชนของ อันเดอร์เลชท์ อยู่ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น และได้เล่นในตำแหน่งนั้นยาวนานจนกระทั่งอายุ 17 ปีจึงได้รับโอกาสเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งเขานะเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเพราะสำหรับตำแหน่งนักเตะกองหลังที่มีโอกาสได้เล่นในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 17 ปี เพราะสำหรับการเล่นกองหลังนั้นอย่างน้อยที่สุดนั้นก็คงจะต้องมีประสบการณ์ ดังนั้นก็คงโดนกองหน้าเก่ง ๆ หลอกจนหงายทั้งยืนเหมือนกองหลังดาวรุ่งหลาย ๆ ดวงที่ร่วงลงไปแต่ทว่าสำหรับเขาแล้วการได้รับโอกาสในการรบสนามกับทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสำหรับลีกในบ้านเกิด เขายังสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้ 1 สมัยในปี 2004 ซึ่งในช่วงดังกล่าวนั้นก็ยังมีโชคร้ายเกิดขึ้นกับชีวิตของเขานั่นก็คือเกิดประสบพบความบาดเจ็บจนต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นใหม่ได้อีกครั้งก็ทำให้บรรดาแฟนบอลนั้นอกสั่นขวัญหายไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วต่อมาเขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าต้นสังกัดที่อาศัยอยู่มันเริ่มเล็กเกินไปสำหรับผู้ที่มีฝีเท้าและฝีไม้ลายมือระดับนี้ ซึ่งก็มีสโมสรยักษ์ใหญ่หลายแห่งเป็นอย่างมากที่ให้ความสนใจที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งในศึกแย่งชิงตัวครั้งนั้นสิงห์เหนือฮัมบูร์ก ก็ได้เป็นผู้ที่คว้าไปแบบเหนือความคลาดหมายเลยทีเดียว บันทึกการเดินทาง สโมสรฮัมบูร์ก เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2006 สำหรับ Vincent […]

You May Like