charyl เด็กหนุ่มที่หลายคนมองว่าเขาเติบโตมาเพื่อวงการฟุตบอลโดยเฉพาะ ซับปุยส์เกิดเมื่อวันที่ 12 เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2535 ถ้านับถึงปัจจุบันเขาก็ยังเป็นนักเตะที่อายุไม่มากเท่าไร แต่เรื่องประสบการณ์นั้นเกินตัวไปมากทีเดียว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะซัปปุยส์เป็นลูกครึ่งที่เกิน่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ ทำให้มองเห็นโอกาสและกล้าที่จะไขว่คว้ามันได้มากกว่านักเตะสัญชาติไทยคนอื่นๆ
charyl เป็นลูกคนเดียว ทำให้ครอบครัวค่อนข้างรักมากและก็พร้อมที่จะสนับสนุนเขาให้ทำตามความฝันของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เขาจบการศึกษาในระดับเกรด 12 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลย เป็นโรงเรียนกีฬาโดยเฉพาะของเมืองโคลเทิน แต่ที่นั่นก็ไม่ใช่ที่แรกที่ทำให้เขาเข้าใจตัวเองว่าหลงรักกีฬาฟุตบอล ซัปปุยส์ ได้สัมผัสกับกีฬาฟุตบอลกับพ่อมาตั้งแต่เด็กแล้ว และช่วงอายุประมาณ 7 ขวบ เขาก็ได้ลงเล่นกับทีมเยาวชน ของสโมสรโคลเทินที่สวิตเซอร์แลนด์ และด้วยทักษะพื้นฐานที่ดีเยี่ยม ทำให้ซัปปุยส์โชว์ผลงานได้ดีเสมอ ทุกนัดที่แข่งขันสร้างความประทับใจให้โค้ช ครอบครัว และคนที่ชมการแข่งขัน
หลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว ซัปปุยส์ก็ได้ย้ายสโมสรจากที่เดิมมาอยู่กับสโมสรเอสซี ยังเปลโลวส์ยูเวนตุส จุดเด่นของเขาก็คือสรีระร่างกายที่ไม่ใหญ่เกินไป เคลื่อนไหวได้คล่องตัว เมื่อรวมกับทักษะความชำนาญในการพลิกแพลงเกม เลยทำให้ซัปปุยส์เป็นคนสนับสนุนทีมที่ดีมาก พอเล่นกับเอสซี ยังเฟลโลวส์ยูเวนตุสได้ประมาณ 3 ปีกว่า เขาก็ย้ายไปที่ทีมเยาวชนของกราสฮอปเปอร์ ซูริก ซึ่งเป็นสโมสรกีฬาหลายชนิด ไม่ได้เจาะจงเพียงแค่ฟุตบอลเท่านั้น แต่ฟุตบอลก็ยังเป็นกีฬาที่ขึ้นชื่อที่สุดของสโมสรอยู่ดี
จากการเข้าทีมกับกราสฮอปเปอร์ ซูริกนี้เอง ที่ทำให้ ซัปปุยส์ ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่นักเตะมืออาชีพจริงๆ เขาเล่นกับกลาสฮอปเปอร์ ซูริก 2 ที่แม้จะเป็นทีมสำรอง แต่ก็อยู่ในระดับลีกาคลาสสิก หรือหากเทียบกับอายุของซัปปุยส์ในตอนนั้นแล้ว นี่ถือว่าเป็นโอกาสทองมากๆ แล้วก็โชคดีจริงๆ ที่ตัวเขาเองก็คว้ามันไว้ ไม่ปล่อยผ่านเลยไป หลังจากเข้าไปคลุกคลีอยู่ด้วยระยะหนึ่ง ซัปปุยส์ก็มีสิทธิ์มีชื่อในทีมการแข่งขันจริง เพียงแต่ว่ายังไม่เคยได้ลงสนามจริงเลยสักครั้ง เพราะว่าเขายังมีตัวจริงที่เล่นได้ดีอยู่ แล้วก็ยังไม่มีจังหวะที่เหมาะสมในการเปลี่ยนตัวให้ซัปปุยส์ลงไปแสดงฝีมือ
จนกระทั่งปี 2554 ซัปปุยส์ได้มีโอกาสลงสนามจริงกับนักเตะชุดใหญ่ กับการแข่ง่ขันสวิส คัพ ได้ปะทะแข้งกับแบร์โรส กอร์กีเย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง และในปีเดียวกันนั้นเองเขาเลือกตัดสินใจย้ายทีม ไปซบอกสโมสรการ์โน ตามด้วย เอฟซี ลูกาโน และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดตามลำดับ
ปัจจุบันเขาเป็นตัวเต็งของทีมชาติไทย ที่ลงสนามเมื่อไรก็มีแต่คนจับตามองเสมอ แล้วก็ไม่เคยผิดหวังเพราะเขาพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็ยังบอกว่ามีหลายนัดของการแข่งขันที่เขาอยากจะลืมอยู่เหมือนกัน ด้วยว่ามันมีความผิดพลาดค่อนข้างมาก หากย้อนเวลากลับไปอาจจะทำได้ดีกว่านี้อีก ก็เป็นธรรมดาในทุกสายงานที่จะต้องเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่ท้ายที่สุด ชาริล ซัปปุยส์ ก็ยังเป็นขวัญใจของชาวไทยตลอดกาลอยู่ดี หลังจากนี้คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าเขาจะปล่อยของที่สนามแข่งขันครั้งไหนอีกบ้าง